วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาหารการกิน ต้อนรับหน้าหนาว

      เมื่อตื่นขึ้นในยามเช้าได้สัมผัสลมเย็น ทำให้เราทราบว่าเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว  เป็นฤดูที่หลายๆ ท่านอาจจะไม่ชอบเพราะอากาศแบบนี้สามารถทำให้ท่านเกิดอาการไม่สบายหรือที่เรียกกันว่าไข้หัวลม  และยังทำให้ผิวนุ่มๆ ของหลายท่านมีปัญหาแห้งแตกเป็นขุยได้  แต่ท่านไม่ต้องกลุ้มใจเพราะเรามีวิธีการดูแลตัวเองรวมถึงการดูแลผิวของท่านในหน้าหนาวมาฝาก 
        สำหรับข้อแนะนำในการดูแลตัวเองช่วงหน้าหนาวพบว่าบางครั้งท่านอาจจะมีอาการไข้ที่เรียกกันว่าไข้หัวลมเกิดขึ้นได้  ซึ่งมักจะมีอาการรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ  หรือที่เรียกกันว่าครั่นเนื้อครั่นตัว   มีอาการมึนศรีษะ และอ่อนเพลีย และอาจมีอาการมีน้ำมูกร่วมด้วยก็ได้ ถ้าท่านมีอาการดังที่กล่าวมานี้  อาหารที่เหมาะสมกับท่านในมื้อนั้นก็คือ  แกงส้มดอกแค พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ สักจาน  แค่นี้ร่างกายคุณก็พร้อมที่จะปรับสมดุลของร่างกายได้  อาการต่าง ๆ ก็จะทุเลาแล้วหายไปในที่สุด เพราะแกงส้มดอกแค    มีคุณค่าทั้งทางอาหารและสรรพคุณทางยาที่บรรพบุรุษไทยได้บันทึกไว้มาช้านาน

สรรพคุณทางยา
1.    น้ำพริกแกงส้ม  รสเผ็ดร้อน  ช่วยขับลม  ช่วยย่อยอาหาร
2.    ดอกแค  รสหวานออกขม (เกสร)เล็กน้อย  แก้ไข้หัวลม
3.    น้ำมะขามเปียก  รสเปรี้ยวขับเสมหะ  แก้ท้องผูก  แก้ไอลดความร้อนในร่างกาย
ประโยชน์ทางอาหาร
    แกงส้มดอกแคแก้ไข้หัวลม  มีประโยชน์และคุณค่ามากมาย เช่น  รสเปรี้ยวของแกงส้มบำรุงธาตุน้ำ  รสเผ็ดของน้ำแกงบำรุงธาตุลม  ดอกแคมีก้านเกสรรสขมแก้ไข้
คุณค่าทางโภชนาการ
         แกงส้มดอกแค  1  ถ้วยใหญ่  ให้พลังงานต่อร่างกาย  58  กิโลแคลอรี  ประกอบด้วย  น้ำ  501.4 กรัม  โปรตีน  111.9  กรัม  ไขมัน  22  กรัม  คาร์โบไฮเดรต  7.3  กรัม  กาก 71  กรัม   ใยอาหาร  1.1  กรัม  แคลเซียม  435.3  มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส 1,364.7  มิลลิกรัม  เหล็ก  49.2  มิลลิกรัม  วิตามินเอ  1207.1 IU  วิตามินบี1  0.58  มิลลิกรัม  วิตามินบี2 1.37  กรัม  วิตามินซี 30.85  มิลลิกรัม
      
        นอกจากท่านรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์แล้ว  น้ำดื่มที่เหมาะสมสำหรับฤดูหนาวควรเป็นน้ำที่เพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย  ลดอาการไอ  แก้หวัด และคัดจมูก ซึ่งได้แก่ น้ำขิง  น้ำตะไคร้ และชาสมุนไพรร้อน ๆ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเครื่องดื่มร้อนที่หาง่ายและสะดวก คือ  น้ำขิง 
น้ำขิงมีอยู่  2  ชนิดด้วยกัน  คือ  น้ำขิงสด กับน้ำขิงแห้งชงเป็นชา
        ประโยชน์ที่จะได้รับ
        คุณค่าทางอาหารในขิงจะมีแคลเซียม  บำรุงกระดูกและฟัน  สารเบต้า- แคโรทีน ช่วยต้านมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณตามตำรายาไทย คือ แก้ท้องอืด  ท้องเฟ้อ  ขับลม ขับเสมหะ    บำรุงธาตุ  แก้อาการคลื่นไส้  อาเจียน  เมารถเมาเรือ  ช่วยเจริญอาหาร  ลดการจับตัวของลิ่มเลือด
วิธีการทำน้ำขิงสด
   ส่วนผสม
    ขิงสด (ไม่แก่นัก)        15    กรัม  (ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว จำนวน  5ชิ้น)
    น้ำเชื่อม                   15    กรัม  (1  ช้อนคาว)
    น้ำเปล่า                   240    กรัม  (16  ช้อนคาว)
    วิธีทำ
        นำขิงมาปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่น  ใส่หม้อ  ใส่น้ำ  ตั้งไฟต้มน้ำจนเดือดสักครู่ยกลง  กรองเอาขิงออก  ใส่น้ำเชื่อม  ชิมรสตามชอบ  ดื่มขณะยังอุ่นอยู่
วิธีทำชาขิง
        นำขิงแก่ ประมาณ  20  กรัม  มาล้างให้สะอาด  หั่นเป็นแว่นๆ  นำไปอบหรือตากแดดให้แห้ง  ปั่นให้ละเอียด  ชงใส่ซองชาหรือผ้าบางพอประมาณ  ประมาณ 1 ช้อนชา / น้ำ 1  แก้ว ดื่มขณะ  อุ่น ๆ หรือจิบร้อน ๆ
      
        เมื่อเสร็จภารกิจเรื่องอาหารการกินแล้วต่อไปก็เป็นเรื่องความสวยงามทางผิวพรรณ จะขอแนะนำผักสวนครัวซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีใช้ในครัวเรือน นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลผิวของท่าน เช่น
ครีมบำรุงผิวแตงกวา
    วิธีทำ
    1. แตงกวาอ่อน 5 ลูก ล้างให้สะอาด ฝานหัวท้ายทิ้ง
    2. นำไปบดหรือปั่นให้ละเอียด
    3. กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ
    4. นำน้ำแตงกวาที่ได้ลูบไล้ผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำ
ประโยชน์
จะช่วยให้ผิวนุ่มสะอาดไม่แห้งแตกเป็นขุย และกลิ่นหอมเย็นของแตงกวาจะช่วยให้ผิวพรรณหอมสบายกายยิ่งนัก บำรุงผิวพรรณ
   
ครีมพอกแตงกวาเพื่อลดฝ้า

    วิธีทำ
1.    นำแตงกวาอ่อนสัก 6 ลูก ล้างให้สะอาด ฝานหัวท้ายออกไม่ต้องปอกเปลือก  (ใช้แตงร้าน)
2.    หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด
3.    นำแตงกวาปั่นละเอียดมาใช้พอกหน้า เว้นบริเวณปากและเปลือกตา โดยอยู่นิ่ง ๆ สัก 20 – 25 นาที
4.    จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ประโยชน์ : วิธีนี้ใช้ได้ดีสำหรับผู้ที่เริ่มเป็นฝ้าบาง ๆ หรือใบหน้าหมองคล้ำจากแสงแดด

ครีมทาผิวแครอต
    วิธีทำ
1.    แครอตหัวปานกลาง ล้างให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก
2.    หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด
3.    กรองเอาแต่น้ำ
4.    ใช้น้ำแครอตทาผิวเช้าเย็น
ประโยชน์
     เนื่องจากแครอตนั้นมีสารเบต้าแคโรทีนอยู่มากจึงช่วยป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี         โดยเฉพาะใครที่กำลังจะออกจากบ้านไปเผชิญกับแสงแดดช่วงเช้าก่อนออกจากบ้าน ควรลูบไล้ด้วยครีมนี้ก่อน หรือใส่ขวดเล็ก ๆ พกไประหว่างวันถ้ารู้สึกผิวแห้ง ก็ใช้ทาได้
    นอกจากนี้เรายังสามารถลบรอยเหี่ยวย่นด้วยแครอตโดย
1.    ปั่นแครอตให้ละเอียด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
2.    แครอต 1 ส่วน ผสมกับน้ำมะนาว 1 ส่วน
3.    ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปบำรุงผิวหน้า
ประโยชน์
     ใครที่ใบหน้าเริ่มมีรอยตีนกา หรือความเหี่ยวย่นถามหา ใช้ครีมบำรุงสูตรนี้ทาเป็นประจำ

    ในหน้าหนาวผิวหน้าจะแห้งง่าย เราจะไม่ล้างหน้าบ่อย อาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย วิธีรักษาสิวให้ผิวสวยด้วยการใช้กระเทียม
1.    เลือกกระเทียมที่ไม่มีคราบเชื้อราสัก 2 – 3 หัว ปอกเปลือกล้างให้สะอาด
2.    นำกระเทียมไปบดให้ละเอียด
3.    จากนั้นก็นำไปทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน
4.    ใช้ติดต่อกัน 7 – 10 วัน  จะเริ่มเห็นผล
ประโยชน์
ในกระเทียมนั้นมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เมื่อนำไปรักษาสิวโดยเฉพาะสิวที่เกิดการอักเสบจะได้ผลดี ควรใช้อย่างต่อเนื่องจนหาย
    ส่วนท่านที่มีปัญหาเรื่องฝ้าสามารถขจัดปัญหาฝ้าและกระด้วยหอมหัวใหญ่
1.    หอมหัวใหญ่ปอกเปลือก ล้างให้สะอาด
2.    นำไปปั่นให้ละเอียด แล้วแช่ในไวน์ 8 วัน บรรจุใส่ขวดให้มิดชิดเก็บไว้ในตู้เย็น
3.    พอครบ 8 วัน ก็นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้โลชั่นหอมหัวใหญ่ หลังใช้ทุกครั้งก็เก็บใส่     ตู้เย็น
4.    ใช้ทาทั่วใบหน้า เช้าเย็นเป็นประจำ
ประโยชน์
       ช่วยรักษาฝ้าและกระบนใบหน้าได้ และรักษาสิวอักเสบหรือผดผื่นได้
    และในหน้าหนาวอาจเกิดรังแคได้ง่าย เราสามารถทำยาสระผมจากหัวหอมได้
1.    จะใช้หอมหัวใหญ่หรือหอมแดงก็ได้ ปริมาณมากน้อยตามต้องการ
2.    นำไปปั่นให้ละเอียด โดยใช้น้ำเย็นจัดผสมลงไปด้วย
3.    กรองเอาแต่น้ำ  และเหยาะเกลือสัก 1 ช้อนโต๊ะ
4.    นำน้ำนี้มาใช้ทาที่หนังศีรษะให้ทั่ว ใครที่เป็นรังแคให้ชโลมให้มาก แล้วเอาหมวกอาบน้ำหรือผ้าขนหนูคลุมไว้ประมาณ 15 นาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ประโยชน์
       ในหัวหอมจะมีสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่ประสบปัญหาเรื่องหนังศีรษะจากรังแค ต้องใช้หัวหอมขจัดปัญหาได้แล้ว
สำหรับคนที่มีใบหน้ามันสามารถลดความมันของผิวหน้าด้วยกะหล่ำปลี
1.    เลือกใบกะหล่ำปลีที่มีขนาดใหญ่ 2 ใบ ตัดก้านแข็งทิ้งล้างให้สะอาด และใช้ผ้าสะอาดซับน้ำให้แห้ง
2.    นำใบกะหล่ำปลีมาวางไว้ที่แก้มทั้งสองข้างทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
3.    จากนั้นก็เอาใบกะหล่ำปลีมาปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ
4.    นำน้ำนั้นมาใช้ทาผิว
ประโยชน์
       ในกะหล่ำปลีจะมีวิตามินซี ซึ่งสามารถช่วยลดความมันได้ ใครที่มีผิวหน้ามันลองใช้กะหล่ำปลีเป็นประจำก็จะขจัดปัญหานี้ไปได้
สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้านสามารถลดความหยาบกร้านของผิวด้วยมะเขือเทศสุก
1.    มะเขือเทศสุก 1 ลูก (ผลใหญ่) ปอกเปลือกออก
2.    นำไปบดให้ละเอียด
3.    ผสมกับโยเกิร์ต (รสธรรมดา) ให้เข้ากัน จนได้เป็นครีมข้น ๆ
4.    ใช้พอกหน้าหลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ 10-15 นาที ค่อยล้างออก
5.    หรือใช้มะเขือเทศ 3 ลูก ปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ
6.    ใช้น้ำมะเขือเทศสดทาทั่วผิวหน้า นาน 15-20 นาที จากนั้น ก็ล้างออก
ประโยชน์
       มะเขือเทศเป็นผักที่มีวิตามินเอสูง ซึ่งสามารถช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มนวล ลดความหยาบกร้านได้ ผิวสดชื่นไม่แห้งง่าย

    หวังว่าคงทำให้ท่านไม่เจ็บป่วยและมีผิวงามตลอดฤดูหนาว หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือสงงสัยสอบถามได้ที่ รพ.สต.บ้านหางแมว แล้วพบกันใหม่นะคะ 

ที่มา : พญ.เพ็ญนภา  ทรัพย์เจริญ ,พรทิพย์   เติมวิเศษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น